Health

  • โรคนิ่ว มีกี่ชนิด มีอาการและการรักษาอย่างไร
    โรคนิ่ว มีกี่ชนิด มีอาการและการรักษาอย่างไร

    โรคนิ่ว มีอยู่ด้วยกันสองชนิดคือ นิ่วในถุงน้ำดี และนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ ปัจจุบันโรคนิ่วเป็นปัญหาสาธารณสุขที่พบมากทั่วโลก อาการจะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่ง บางคนมีอาการเจ็บ บางคนไม่มีอาการแสดงเลย นิ่วเกิดจากอะไร เป็นแล้วสามารถรักษาแบบไหนให้หายได้ มาหาคำตอบไปพร้อมกันบบทความนี้

    โรคนิ่ว คืออะไร

    ปัจจุบันโรคนิ่วเป็นปัญหาสาธารณสุขที่พบมากทั่วโลก และอุบัติการณ์โรคนิ่วไตมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทยมีอุบัติการณ์โรคนิ่วไตสูงมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การมีนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ เช่น การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ การทำงานของไตเสื่อมลง และอาจร้ายแรงจนถึงเกิดภาวะไตวายเรื้อรังและโรคไตระยะสุดท้าย ซึ่งทำให้เสียชีวิตได้

    โรคนิ่ว มีอยู่ด้วยกันสองชนิดคือ นิ่วในถุงน้ำดี และนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งนิ่วทั้งสองประเภทนี้มีความแตกต่างกันทั้งในส่วนประกอบ สาเหตุ รวมทั้งการดูแลรักษา แต่ที่เรียกว่านิ่วเหมือนกัน อันนี้คงเป็นเพราะว่า ลักษณะที่เห็นนั้น เป็นก้อนคล้ายหินเหมือนกัน เวลาพูดถึงโรคนิ่ว จึงต้องรู้ว่าเป็นนิ่วที่ไหน โรคนิ่วเป็นโรคที่มีบันทึกมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ ได้มีรายงานพบนิ่วในกระเพาะปัสสาวะในโครงกระดูกศพมัมมี่ของประเทศอียิปต์

    โรคนิ่วในถุงน้ำดี

    โรคนิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคในระบบทางเดินอาหารที่สามารถเกิดขึ้นได้และมีอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตหากไม่รีบรักษา ส่วนใหญ่มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยพบได้ตั้งแต่อายุ 30 – 50 ปี ความน่าสนใจของโรคนี้คือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารจึงหายามารับประทานเอง จนกระทั่งอาการรุนแรงจึงมารับการรักษา เพราะฉะนั้นการรู้ทันโรคนิ่วในถุงน้ำดีจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย

    ถุงน้ำดี (Gallbladder) คือ อวัยวะบริเวณช่องท้องที่ทำหน้าที่ในการกักเก็บน้ำดี ทำให้น้ำดีเข้มข้นเพื่อพร้อมสำหรับย่อยไขมัน

    นิ่วในถุงน้ำดี (Gall Stone) เป็นโรคในระบบทางเดินน้ำดีที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการตกตะกอนของหินปูนหรือคอเลสเตอรอลในน้ำดี ทำให้เกิดนิ่ว โดยลักษณะนิ่วมี 3 ประเภท ได้แก่

    1. นิ่วจากคอเลสเตอรอล (Cholesterol Stones) อาจเป็นสีเหลือง ขาว เขียวเกิดจากการตกตะกอนไขมัน เนื่องจากคอเลสเตอรอลเพิ่มมากขึ้นในถุงน้ำดี
    2. นิ่วจากเม็ดสี (Pigment Stones) อาจเป็นสีคล้ำดำ เกิดจากความผิดปกติของเลือด โลหิตจาง ตับแข็ง
    3. นิ่วโคลน (Mixed Gallstones) เป็นคล้ายโคลน เหนียว หนืด เกิดจากการติดเชื้อใกล้ตับ ท่อน้ำดี ตับอ่อน

    อาการบอกโรคนิ่วในถุงน้ำดี

    นิ่วในถุงน้ำดีอาจไม่แสดงอาการใด ๆ หรือมีบางอาการ แต่ไม่ครบทุกอาการดังต่อไปนี้

    • ท้องอืด
    • แน่นท้อง อาหารไม่ย่อยหลังทานอาหารไขมันสูง เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง
    • ปวดใต้ลิ้นปี่ / ชายโครงด้านขวา
    • ปวดร้าวที่ไหล่ / หลังขวา
    • คลื่นไส้อาเจียน (ถุงน้ำดีติดเชื้อ)
    • มีไข้หนาวสั่น
    • ดีซ่าน / ตัว – ตาเหลือง  (เมื่อก้อนนิ่วอุดในท่อน้ำดี)
    • ปัสสาวะสีเข้ม  (เมื่อก้อนนิ่วอุดในท่อน้ำดี)
    • อุจจาระสีขาว (เมื่อก้อนนิ่วอุดในท่อน้ำดี)

    ทั้งนี้ก้อนนิ่วที่ตกตะกอนอาจมีขนาดเล็กเท่าเม็ดทรายหรือใหญ่เท่าลูกกอล์ฟ จำนวนมีได้ตั้งแต่หนึ่งก้อนไปจนถึงหลายร้อยก้อนได้ หากมีขนาดใหญ่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดมะเร็งถุงน้ำดีได้

    กลุ่มเสี่ยงโรคนิ่วในถุงน้ำดี

    • เพศหญิง 40 ปีขึ้นไป
    • ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
    • ภาวะอ้วน น้ำหนักมาก
    • คอเลสเตอรอลสูง
    • โรคเบาหวาน
    • โรคเลือด โลหิตจาง ธาลัสซีเมีย
    • ตั้งครรภ์หลายครั้ง
    • กินยาคุมกำเนิด
    • ทานฮอร์โมนจากภาวะหมดประจำเดือน
    • ผู้ที่อดอาหาร (ถือศีลอด) หรือลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว
    • ทานยาลดไขมันในเลือดบางชนิด
    • พันธุกรรม มีประวัติคนในครอบครัว

    วิธีการรักษาโรคนิ่วในถุงน้ำดี

    การรักษาผู้ป่วยที่มีอาการจากนิ่วในถุงน้ำดี หากสามารถทำการผ่าตัดได้ แนะนำให้ผ่าตัดเพื่อเอาถุงน้ำดีออกทุกราย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งมีทั้งการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องที่มักใช้รักษาผู้ป่วยในกรณีที่มีการอักเสบมากและแตกทะลุในช่องท้องจำเป็นต้องพักฟื้นค่อนข้างนาน และการผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic Surgery) ที่แพทย์จะเจาะรูขนาดเล็กบริเวณหน้าท้องด้วยเครื่องมือเฉพาะ จากนั้นใส่กล้องเข้าไปเพื่อให้เห็นภาพได้ชัดเจนทุกมิติ ก่อนจะตัดขั้วและเลาะถุงน้ำดีให้หลุดออก วิธีนี้นอกจากช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นอวัยวะภายในได้ชัดเจน แผลยังมีขนาดเล็ก เจ็บน้อย ลดโอกาสการติดเชื้อ ผู้ป่วยฟื้นตัวไว ไม่ต้องพักฟื้นนาน ซึ่งควรผ่าตัดรักษาภายใน 72 ชั่วโมง และหลังจากผ่าตัดถุงน้ำดีออกไปแล้ว ผู้ป่วยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการย่อยอาหาร เพราะถุงน้ำดีเป็นเพียงที่เก็บพักน้ำดี แต่ควรลดของมัน เน้นทานผักและปลามากขึ้น เพื่อให้ห่างไกลจากอาการท้องอืดและมีสุขภาพดีในระยะยาว

    นิ่วนั้นมักเริ่มต้นเกิดในไต และต่อมาเลื่อนตำแหน่งไปยังกรวยไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ หากนิ่วมีขนาดเล็กก็จะสามารถหลุดออกเองได้ ในช่วงเวลาที่ผู้ป่วยปัสสาวะ แต่ถ้านิ่วมีขนาดใหญ่ก็จะไปอุดตันตามตำแหน่งต่างๆ

    ตัวการร้ายก่อเกิดโรคนิ่ว

    • กรรมพันธุ์ โรคหลายชนิดที่มีการถ่ายทอดทางพันธุกรรม และมีผลต่อการเกิดนิ่งทางเดินปัสสาวะ
    • อายุ พบมากในกลุ่มวัยทำงาน อายุ 40 – 60 ปี
    • เพศ พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง 2 – 3 เท่า
    • อาหาร ชนิด และ ปริมาณอาหารมีผลต่อการขับสารบางชนิดออกมาในปัสสาวะ ได้แก่ แคลเซียม ฟอสเฟต ยูเรต ออกซาเลต ในภาวะที่มีปริมาณผิดปกติและสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย สารเหล่านี้จะรวมตัวกัน กระทั่งกลายเป็นก้อนผลึกแข็ง เมื่อสะสมนานวันเข้าก็มีขนาดใหญ่ขึ้น และกลายเป็นก้อนนิ่ว ที่เข้าไปอุดตันที่บริเวณต่างๆ ของระบบทางเดินปัสสาวะ
    • ยาที่รับประทานบางชนิด
    • ภาวะติดเชื่อในระบบทางเดินปัสสาวะ
    • ความผิดปกติทางกายวิภาคของระบบทางเดินปัสสาวะ

    อาการของโรคนิ่วในทางเดินปัสสาวะ

    ลักษณะอาการของนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะนั้น จะขึ้นอยู่กับขนาดของนิ่ว และตำแหน่งที่นิ่วนั้นอุดอยู่ รวมถึง นิ่วนั้นอุดทางเดินปัสสาวะมากน้อยเพียงใด หากอาการอยู่ในช่วงระยะแรก ร่างกายของเราอาจขับก้อนนิ่วออกมา ได้เองทางปัสสาวะ ซึ่งจะพบตะกอนเหมือนก้อนกรวดเล็กๆ ปนออกมาพร้อมกับปัสสาวะ แต่เมื่อใดก็ตามที่ก้อนนิ่ว มีขนาดใหญ่ขึ้นจะมีการอุดตันที่มากขึ้น ก่อให้เกิดการเสียดสี ส่งผลสู่การบาดเจ็บ มีเลือดออก ทำให้ปัสสาวะมีสีแดงขึ้น จากเลือดหรือบางกรณีมีสีเหมือนน้ำล้างเนื้อ
    • อาการปวด จากนิ่วอุดกั้นทางเดินปัสสาวะ โดยอาจมีอาการปวดบริเวณบั้นเอว หรือ บริเวณท้องขึ้นอยู่กับตำแหน่งนิ่ว
    • มีปัสสาวะแสบ ขัด และปัสสาวะลำบาก
    • มีปัสสาวะเป็นเลือด พบได้ถึงร้อน 80 – 90 ของผู้ป่วย
    • ปัสสาวะขุ่นเป็นผลคล้ายชอล์ก เนื่องจาก การตกตะกอนของสารที่เป็นส่วนประกอบของนิ่ว
    • การติดเชื้อ การอุดกั้น ของนิ่วทำให้ปัสสาวะคั่งค้าง ในระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้เกิดการติดเชื้อ มีไข้ หากมีอาการมาก อาจพบปัสสาวะขุ่นมีหนองปน และกลิ่นเหม็น
    • ปัสสาวะไม่ออก กรณีที่เป็นนิ่วบริเวณท่อปัสสาวะ
    • ไม่มีน้ำปัสสาวะ กรณีที่มีภาวะอุดตันของไต อย่างรุนแรงทั้งสองข้าง
    • อาการแทรกซ้อน เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร และท้องอืด 

    ส่วนอาการของนิ่วในไต หรือท่อไต จะลักษณะอาการปวดตรงบริเวณเอวด้านหลังที่เป็นตำแหน่งของไต เวลาที่ก้อนนิ่ว หลุดมาอยู่ในท่อไต ผู้ป่วยจะมีอาการปวดชนิดที่รุนแรงมาก เหงื่อตก และเกิดเป็นพักๆ บางรายปัสสาวะอาจมีเลือดหรือเป็นสีน้ำล้างเนื้อร่วมด้วย แต่ถ้านิ่วลงมาอุดบริเวณที่ท่อไตต่อกับกระเพาะปัสสาวะ ผู้ป่วยจะมีอาการระคายเคืองเวลาปัสสาวะ อยากปัสสาวะ แต่ปัสสาวะขัด หากปล่อยให้เป็นนิ่วไปนานๆ โดยมิได้รับการรักษา จะทำให้ไตเกิดการบาดเจ็บเรื้อรัง ส่งผลให้ไตมีรูปร่าง และการทำงานผิดปกติมากยิ่งขึ้น ซึ่งนำไปสู่ภาวะไตวายในที่สุดการรักษา โรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ

    ปัจจุบันมีการรักษาหลายวิธี  โดยแพทย์จะพิจารณาโดยอาศัยข้อมูลเรื่องชนิดและขนาดของนิ่ว ตำแหน่งของนิ่ว ความแข็งของนิ่ว ไตบวมมากหรือน้อย การอักเสบของไต พิจารณาแล้ววิเคราะห์เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม ในแต่ละราย บางท่านอาจจะเหมาะสมที่จะรักษาด้วยการสลายนิ่ว แต่บางท่านไม่เหมาะสมที่จะสลายนิ่ว อาจรักษาได้ด้วยวิธีอื่นๆ เริ่มจาก

    1. การรักษาตามอาการ  กรณีนิ่วมีขนาดเล็ก กว่า 4 มม. โดยจะแนะนำให้คนไข้ดื่มน้ำมากๆ  เพื่อให้นิ่วหลุดออกเองและตามผลอย่างสม่ำเสมอ
    2. การรักษาทางยา เหมาะในรายที่เป็นนิ่วขนาดเล็กในไตหรือท่อไต ลักษณะกลม เรียบ มีอาการปวดไตน้อย ไม่อักเสบรุนแรง
    3. การเจาะเพื่อดูดเอานิ่วอออกหรือการสลายนิ่ว ด้วยเครื่อง Shockwave ซึ่งเป็นวิธีรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัดสำหรับผู้ป่วยที่มีนิ่วขนาดไม่เกิด 2 ซม.เหมาะสำหรับนิ่วในไต หรือ ท่อไตขนาดปานกลาง

    แนวทางการป้องกันการเกิดโรคนิ่ว

    1. ดื่มน้ำมากกว่าวันละ 8 แก้ว หรือให้ได้ปริมาตรของปัสสาวะมากกว่า 2 ลิตรต่อวัน เพื่อลดความอิ่มตัวของสารก่อนิ่วในปัสสาวะ และลดการก่อผลึกนิ่วที่อาจเกิดขึ้นได้ในระบบทางเดินปัสสาวะ
    2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารครบถ้วนและสัดส่วนเหมาะสม โดยเฉพาะอาหารจำพวกผักและผลไม้
    3. ลดอาหารที่มีเนื้อสัตว์ ไขมันสัตว์ อาหารหวาน เค็มมาก และอาหารที่มีกรดยูริกสูง
    4. เลี่ยงหนังสัตว์ปีก ตับ ไต ปลาซาร์ดีน
    5. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีออกซาเลตสูง ได้แก่ ผักโขม ช็อกโกแลต ชา ถั่ว แอปเปิ้ล หน่อไม้ฝรั่ง บล็อคโคลี่ เบียร์ น้ำอัดลม กาแฟ โกโก้ ไอศครีม สับปะรด วิตามินซี โยเกิร์ต
    6. ผู้ป่วยที่มีนิ่วควรรับประทานอาหารที่มีใยมาก และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    7. ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างน้อย 1 ปีครั้ง อย่างสม่ำเสมอ สำหรับผู้ที่มีอาการผิดปกติ และสงสัยว่ามีนิ่วไต ควรปรึกษาแพทย์ อย่างไรก็ตามผู้ที่เคยเป็นนิ่วแล้วมีโอกาสที่จะกลับมาเป็นโรคนิ่วอีกครั้งก็มีได้มาก ดังนั้น การเรียนรู้วิธีป้องกัน และดูแลรักษาสุขภาพตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดโรคนิ่วจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด

     

    เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจ

    ที่มาของบทความ

     

    ติดตามเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่  gladrags.net

    สนับสนุนโดย  ufabet369

Economy

  • อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรคืออะไรและทำไมจึงสูง
    อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรคืออะไรและทำไมจึงสูง

    อัตราที่ราคาเพิ่มขึ้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 8.7% ในเดือนพฤษภาคม แม้จะมีการคาดการณ์ว่าราคาจะลดลงก็ตาม

    อัตราเงินเฟ้อของอาหาร เช่น ขนมปัง ซีเรียล และช็อกโกแลต ลดลงเล็กน้อย แต่ยังคงสูงที่ 18.3%

    เพื่อช่วยให้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษได้เพิ่มอัตราดอกเบี้ย 12 ครั้งเป็น 4.5%

    เงินเฟ้อหมายถึงอะไร?

    เงินเฟ้อคือการเพิ่มขึ้นของราคาของบางอย่างเมื่อเวลา หากขวดนมมีราคา 1 ปอนด์ แต่ 1.05 ปอนด์ในปีต่อมา อัตราเงินเฟ้อของนมต่อปีจะอยู่ที่ 5%

    อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรวัดได้อย่างไร?
    สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ติดตามราคาของสินค้าในชีวิตประจำวันหลายร้อยรายการใน “ตะกร้าสินค้า” ในจินตนาการ

    ตะกร้าได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อสะท้อนเทรนด์การช้อปปิ้ง โดยการเปลี่ยนแปลงล่าสุดจะเพิ่มผลเบอร์รี่แช่แข็งและนำ Alcopops ออก

    ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อในแต่ละเดือนแสดงให้เห็นว่าราคาเหล่านี้เพิ่มขึ้นเท่าใดนับจากวันเดียวกันของปีที่แล้ว

    คุณสามารถคำนวณอัตราเงินเฟ้อได้หลายวิธี แต่การวัด “พาดหัว”

    หลักคือดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

    ตัวเลขล่าสุดสำหรับ CPI อยู่ที่ 8.7% ในปีจนถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนเมษายน

    อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคืออะไร?
    อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานไม่รวมราคาพลังงาน อาหาร แอลกอฮอล์ และยาสูบ

    ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อโดยรวมอยู่ในช่วงขาลงโดยทั่วไปในปีนี้ อัตราเงินเฟ้อ CPI พื้นฐานเพิ่มขึ้นเป็น 7.1% ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 6.8% ในเดือนเมษายน และสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2535

    ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษพิจารณาตัวเลขนี้เช่นเดียวกับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเมื่อตัดสินใจว่าจะเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยหรือไม่

    ทำไมราคาจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว?

    ค่าอาหารและพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นได้ช่วยผลักดันอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้น

    น้ำมันและก๊าซเป็นที่ต้องการมากขึ้นเมื่อชีวิตกลับสู่ปกติหลังโควิด ในขณะเดียวกัน สงครามในยูเครนทำให้สินค้าจากรัสเซียมีน้อยลง ทำให้กดดันราคามากขึ้น

    สงครามยังลดปริมาณธัญพืชที่มีอยู่ ทำให้ราคาอาหารทั่วโลกสูงขึ้น

    ผลกระทบนี้ทวีคูณขึ้นในสหราชอาณาจักรในเดือนกุมภาพันธ์ จากการขาดแคลนสลัดและผักชนิดอื่นๆ ซึ่งทำให้อัตราเงินเฟ้อด้านอาหารพุ่งสูงสุดในรอบ 45 ปี

    ราคาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารและผับก็สูงขึ้นเช่นกัน

    อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรคืออะไรและทำไมจึงสูงการขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วยแก้ปัญหาเงินเฟ้อได้อย่างไร?

    ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษมีเป้าหมายที่จะรักษาอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ 2% แต่อัตราปัจจุบันสูงกว่านั้นมาก

    การตอบสนองแบบดั้งเดิมต่ออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นคือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

    สิ่งนี้ทำให้การกู้ยืมมีราคาแพงขึ้น และอาจหมายถึงบางคนที่มีการจำนองเห็นว่าการชำระเงินรายเดือนของพวกเขาเพิ่มขึ้น อัตราการประหยัดบางอย่างก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

    เมื่อผู้คนมีเงินน้อยลง พวกเขาซื้อของต่างๆ น้อยลง ความต้องการสินค้าลดลงและราคาที่สูงขึ้นช้าลง

    นอกจากนี้ ธุรกิจต่างๆ ยังกู้เงินน้อยลง ทำให้พวกเขามีโอกาสสร้างงานได้น้อยลง และอาจลดพนักงานลง

    ในเดือนพฤษภาคม ธนาคารได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 12 ติดต่อกัน โดยขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลักเป็น 4.5%

    ค่าจ้างสอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อหรือไม่?
    หลายคนจ่ายไม่ทันกับราคาที่เพิ่มสูงขึ้น

    เงินเดือนเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในสหราชอาณาจักร ไม่รวมโบนัส อยู่ที่ 603 ปอนด์ในเดือนเมษายน เพิ่มขึ้นจาก 598 ปอนด์ในเดือนมีนาคม ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการ

    แต่เมื่อคุณคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อ ค่าจ้างปกติลดลง 1.3% ในช่วงสามเดือนจนถึงเดือนเมษายน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

    สหภาพแรงงานกล่าวว่าค่าจ้างควรสะท้อนถึงค่าครองชีพ และคนงานจำนวนมากได้รับผลกระทบมากกว่าค่าจ้าง

    อย่างไรก็ตาม รัฐบาลโต้แย้งว่าการขึ้นค่าจ้างจำนวนมากอาจผลักดันอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้น เนื่องจากบริษัทต่างๆ อาจขึ้นราคาเป็นผลตามมา

    อัตราเงินเฟ้อจะลดลงเมื่อใด
    อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงไม่ได้หมายความว่าราคาจะลดลง มันหมายความว่าพวกเขาไม่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    เมื่อธนาคารประกาศการตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพฤษภาคม ธนาคารกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะ “ลดลงอย่างรวดเร็วจากเดือนเมษายน” ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อราคาอาหารมีแนวโน้มลดลงช้ากว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้

    คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 5% ภายในสิ้นปี 2566 แทนที่จะเป็น 4% ที่คาดการณ์ไว้

    สำนักงานความรับผิดชอบด้านงบประมาณ (กบร.) ซึ่งประเมินแผนเศรษฐกิจของรัฐบาล ก่อนหน้านี้คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 2.9% ภายในสิ้นปีนี้

    ในเดือนมกราคม นายกรัฐมนตรี Rishi Sunak กล่าวว่าการลดอัตราเงินเฟ้อลงครึ่งหนึ่งภายในสิ้นปี 2566 เป็นหนึ่งในคำมั่นสัญญาหลัก 5 ประการของรัฐบาล

    อัตราเงินเฟ้อในยุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นเท่าใด

    ประเทศอื่นๆ ก็ประสบปัญหาค่าครองชีพตกต่ำเช่นกัน

    มีเหตุผลหลายประการที่เหมือนกัน – ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น การขาดแคลนสินค้าและวัสดุ และผลกระทบจากโควิด

    อัตราเงินเฟ้อประจำปีของประเทศที่ใช้เงินยูโรอยู่ที่ประมาณ 6.1% ในเดือนพฤษภาคม ลดลงจาก 7% ในเดือนเมษายน

    ธนาคารกลางยุโรปยังได้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยายามลดอัตราเงินเฟ้อของยูโรโซน อัตรามาตรฐานอยู่ที่ 3.5% ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 22 ปี

    อัตราเงินเฟ้อยังลดลงในสหรัฐอเมริกา อยู่ที่ 4% ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนพฤษภาคม ลดลงจาก 4.9% ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 11

    ธนาคารกลางสหรัฐได้เพิ่มอัตราดอกเบี้ยหลักเป็น 5.25% เพิ่มขึ้นจากเกือบ 0% ในปีที่แล้ว และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550

    อย่างไรก็ตาม อัตราดังกล่าวยังคงไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนมิถุนายน โดยระบุว่าต้องการเวลาประเมินผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้

    เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจในเว็บของเรา

    ดีเอโก้ พาบาเลนเซียชนะเรอัลมาดริดเมื่อวินิซิอุสจูเนียร์โดนไล่ออก

    บุสเก็ตส์ ที่กำลังจะอำลาสโมสรยกย่อง ‘เป๊ป’ เป็นโค้ชที่ดีที่สุด

    รีวิวภาพยนต์เรื่อง The Magic Flute – ขลุ่ยวิเศษ

    เลือดกำเดาไหล ในเด็กอาการแบบไหนที่ต้องไปพบแพทย์

    ท้อง กระเพาะอาหาร

    ขอบคุณรูปภาพจาก pexels.com

    แหล่งที่มา https://www.bbc.com/news/business

    สามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ gladrags.net